เป็นเทพารักษ์เฝ้าดูแลรักษาชีวิต ป้องกันภัยต่างๆมิให้กล้ำกรายผู้คนที่อยู่อาศัยในบ้านนั้นๆ
ต๊าวตังสี่มีอยู่สี่องค์ได้แก่
*ท้าวมหาราชธตรฐผู้เป็นใหญ่แห่งคนธรรพ์รักษา ทิศตะวันออก
*ท้าววิรุฬหกผู้เป็นใหญ่แห่งกุมภัณฑ์รักษาทิศใต้
*ท้าววิรูปักษ์ผู้เป็นใหญ่แห่งนาครักษาทิศตะวันตก
*ท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวรผู้เป็นใหญ่แห่งยักษ์รักษาทิศเหนือ
นอกจากต๊าวตังสี่รักษาทิศ ทั้งสี่แล้ว ข้างบนบ้านเรีอนที่เป็นส่วนของฟ้ามีพระอินทร์รักษา
และด้านที่เป็นพื้นดินสุดมีพระแม่ธรณีรักษา
ดังนั้นเมื่อทำการบูชาผู้คนจะจัด ทำเครื่องสักการะเป็น หก ส่วนคือบูชาท้าวทั้งสี่และพระอินทร์
พระแม่ธรณี
เครื่องสักการะที่สำคัญในการบวงสรวงบูชามีข้าวปลาอาหารตามปกติทั่วไปที่
เจ้าของบ้านรับประทาน
ที่สำคัญมีตุงจ้อ (ตุงช่อ) คือสัญลักษณ์ในการบูชาทำด้วยกระดาษตัดเป็นรูปคล้าย
ธงสามเหลี่ยมสีเขียวไว้ด้านบนสุดของแท่นไม้เพื่อบูชาพระอินทร์
ตุงจ้อสีแดงบูชาท้าววิรุฬหก ตุงจ้อสีฟ้าบูชาท้าวธตรฐ
ตุงจ้อสีดำบูชาท้าววรูปักษ์
ตุงจ้อสีหม่นหรือเทาบูชาท้าวกุเวร
และตุงจ้อสีขาวบูชาพระแม่ธรณี
การบูชาต๊าวตังสี่จะใช้ไม้เสาต้นเดียว แต่มีไม้ตีไขว้เป็นกากบาทสูงกว่าพื้นดินราวศอกกว่าๆหันปลายไม้กากบาทไปยัง ทิศทั้งสี่
แล้ววางสะตวง (กระทงกาบกล้วย) ไว้ทั้งสี่ทิศ
ส่วนด้านบนสุดของเสาวางสะตวงบูชาพระอินทร์และส่วนล่างสุดวางไว้บนดินชิดโคน
เสาเพื่อบูชาพระแม่ธรณี -ครั้นถึงเวลาที่จะบูชาพ่อหมอหรือปู่อาจารย์จะทำพิธีกรรม
กล่าวโองการอัญเชิญต๊าวตังสี่และพระอินทร์ แม่พระธรณีมารับเครื่องเซ่นบูชา
การบูชาต๊าวตังสี่จะทำทุกครั้งเมื่อบ้านเรือนจะมีงานทำบุญหรืองานอวมงคล เพื่อให้ผู้คนอยู่เย็นเป็นสุข
ปราศจากภัยอันตรายทั้งปวง
เมื่อกล่าวถึงต๊าวตังสี่คนล้านนา คือ การสร้างความเชื่อหรือสร้างบุคลาธิษฐาน
ให้ผู้คนร่วมกันกราบไหว้บูชาเป็นผะหญาปัญญาทำให้เกิดความมั่นใจ
เกิดความอบอุ่นใจในการต่อสู้ชีวิต
ฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการที่ถาโถมเข้ารุมเร้าภาวะร่างกายจิตใจของคนในบ้าน เรือน
เป็นกำลังใจไหว้วอนปลดปล่อยความทุกข์โศกเศร้าไปกับพิธีกรรม
มองกลิ่นธูปควันเทียนที่ล่องลอยเป็นสายพาพัดสิ่งทุกข์โศก สิ่งคับข้องใจ ความไม่สบายใจ
ความท้อแท้ใจที่ไม่พึงประสงค์เลือนหายไปในอากาศธาตุ เป็นจิตวิทยาที่พึ่งพาพิธีกรรม
แม้บางครั้งกายป่วยแต่จิตไม่ป่วย กลับเกิดมีพลังจิตที่กล้าแข็งต่อสู้ชีวิต
พิธีกรรม
เริ่มจากปู่อาจารย์หรือผู้ประกอบพิธี จะนำกระทงเครื่องปูจา ๖ กระทงวางบนแท่นปูจา
(หอประสาทเสาเดียว) เพื่อปูจา พญาอินต๋า ท้าวตะละโถ ท้าววิโลหะโก๋ ท้าววิธูปักโข ท้าวกุเวโร
และแม่พระธรณี แล้วจุดธูป ๒๐ ดอก ปักที่ตีนเสา ในขณะนั้นเจ้าของบ้านควรนั่งพนมมือ
แล้วปู่อาจารย์จะทำพิธีตามลำดับดังนี้
- ปู่อาจารย์จะทำพิธีปลุกแม่ธรณีว่า แม่ธรณีเอ๋ย เจ้าอยู่ รู้หรือยัง แล้วตอบเองว่า อยู่ รู้แล้ว
สาวะคะตั๋ง โลก๋าวิทู นะมามิ ๓ ครั้ง เสกมือแล้วตบที่เสา ๓ ครั้ง
- กล่าวคาถาชุมนุมเทวดา
- กล่าวคำปูจาแม่ธรณีและท้าวตั้งสี่ (จตุโลกบาล)
- กล่าวคำปูจาพญาอินทร์
เครื่องสังเวย
เครื่องสังเวยก็มีดอกไม้ ธูปเทียน หมากเมี่ยง ปูรี (บุหรี่) ขนม ข้าวต้ม จ้อ
(ช่อ - ทำเป็นธงสามเหลี่ยมด้วยกระดาษต่าง ๆ) ใส่ “สะตวง”
วางไว้ที่ปลายไม้ที่ชี้ไปทั้งสี่ทิศและตรงกลางเสาซึ่งจะสูงกว่าฐานไม้ที่รอง “สะตวง”
ประมาณสองคืบเศษเป็น “สะตวง” ใหญ่สำหรับพระอินทร์
ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประมุขของเทวดาทั้งหลายที่อยู่เบื้องล่าง ส่วนฐานล่างสุดติดดินก็จะวางกระทงสะตวงให้พระแม่ธรณีสะตวงหนึ่ง รวมทั้งหมดมี ๖ สะตวงด้วยกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น